" ผมเติบโตในซีแอตเติล ,วอชิงตัน ตอนผมอายุสิบขวบ ผมสนใจเกี่ยวกับเพลงอย่างมาก ผมยังนึกถึงตอนที่ผมนั่งในห้องนั่งเล่นดู The Ed Sullivan Show กับครอบครัวได้เลย ผมหลงใหลอย่างมากกับการแสดงของนักแซกโซโฟน และหลังจากดูจบ ผมมีความรู้สึกว่าต้องเล่นแซกโซโฟนให้ได้ แม่ของผมเขาก็ไม่ค่อยเชื่อหูแต่ก็ให้กำลังใจผม เช่าอัลโตแซกมาให้ผม ยี่สิบสองที่ผ่านมา ผมไม่เคยหยุดเล่นมันเลย...

กุญแจสำคัญสองดอกเกิดขึ้นพร้อมๆ กันซึ่งผมเกือบไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ถ้าไม่มีมัน หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นที่แฟรงคลินไฮ ในซีแอตเติล หนึ่งในผู้ดูแลวงในแฟรงคลินไฮเป็นเพื่อนผู้คนที่มีหน้าที่ติดต่อนักดนตรี ให้ Seattle Show ของ Barry White มันเป็นฤดูใบไม้ผลิในปี 1974 ตอนผมอายุ 17 ปี ผมได้เป็นนักแสดงเดี่ยวดนตรีแจ๊ซ ( ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ ) ใน Barry White's Love Unlimited Orchestra

ตระหนักไว้เถิดว่าการหาเลี้ยงชีพด้วยการทำสิ่งที่กระตุ้นเร้าการแสดงออกของตัวเองคือสิ่งที่ผมใฝ่หา ผมกลายเป็นโรคติดแซกโซโฟนและฝึกเล่น 4 ชั่วโมงต่อวันใน 5 ปีต่อมา ระหว่างนี้ ผมก็ร่วมเล่นกับวงดนตรีฟังก์ชื่อ Cold, Bad And Together ( CBT ) เป็นที่ที่ผมได้พบกับ'โซล'

และใน 5 ปีเช่นกัน ผมได้ศึกษาด้านบัญชีที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน และในที่สุดผมก็จบ Magna Cum Laude ได้รับ Phi Beta Kappa Kay ( บางสิ่งที่ทำเพื่อแม่... ) นี่คือกุญแจอีกดอกหนึ่งได้เกิดขึ้น ...ผู้ดูแลวงแจ๊ซแบนด์ ( Roy Cummings ) เป็นคนให้หานักดนตรีรับจ้างสำหรับการแสดงทั้งหมดในเมืองซีแอตเติล ผ่านทางเขา ผมได้ทำงานร่วมกับLiberace , Johnny Mathis , The Spinners , Diahann Carroll และแม้แต่ Ringling Bros. & Barnum & Bailay Circus

ในช่วงท้ายของการศึกษา ผมถูกจ้างโดย Jeff Lorber ให้ไปร่วมในวงดังแห่ง Portland ชื่อ the Jeffer Lorber Fusion ผมใช้เวลา 4 ปีเต็มอยู่กับพวกเขา และทำให้โดดเด่นจนสามารถเข้าไปใน Arista Records สังกัดของ Lorber ซึ่งเสนอข้อตกลงการเป็นนักเดี่ยว อัลบั้มแรก Kenny G ออกในปี 1982 มี Lorber เป็น Co-producer

อัลบั้มต่อมา ผมมานิวยอร์คเพื่อทำงานร่วมกับผู้ชายที่ชื่อ Kashif เขากำหนดผมให้กับ Wayne Brathwaite นักเล่นเบสฝีมือเยี่ยม ( ผู้ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ Billy Ocean ในสองอัลบั้ม ) และเราได้อัลบั้มสุดยอด G Force มันได้ทำให้เกิด Gravity อัลบั้มที่สามและการร่วมงานกับ Kashif และ Brathwaite

ตอนนี้มาคุยถึง Duotones กันบ้าง ผมได้กลับสู่ฝั่งตะวันตกและทำงานกับโปรดิวเซอร์ Preston Glass และเอกเซคคิวทีฟโปรดิวเซอร์ Narada Michael Walden ผู้เป็นเจ้าของแทร็กสุดฮิตของ Aretha Franklin ( 'Freeway of Love' ) Whitney Houston ( 'How Will I Know' ) และอีกหลายต่อหลายเพลง

ทุกอย่างเริ่มจะลงตัวและในปี 1987 ผมเล่นเพลง Songbird ( AN INSTRUMENTAL ) ในรายการ Tonight Show... สามครั้ง การตอบรับต่อ Songbird น่าทึ่งมาก เพลงที่ออกมาเป็นซิงเกิลและกลายเป็นซิงเกิลเพลงบรรเลงเพลงที่หกเท่านั้นที่ก้าวขึ้นสู่ท็อปเทนในรอบสิบปี และเป็นเพลงที่สองเท่านั้นที่ไม่เป็นเพลงจากภาพยนตร์หรือทีวี

ถามว่าผมเซอร์ไพรส์มากไหม? เอ่อ ทั้งใช่และไม่... เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นอย่างจริงใจให้กับหญิงสาวผู้งดงาม ผู้เปลี่ยนชีวิตผม มันไม่ได้เป็นเพลงที่บรรจงแต่งขึ้นเพื่อให้ดังเปรี้ยงปร้าง ดังนั้น ผมรู้อยู่ข้างในว่าถึงอย่างไรเพลงก็ต้องไปถึงจุดนั้น แต่มีอุปสรรคมากมายที่จะข้ามลำดับก่อนๆ ไปสู่ท็อป 40 ทางสถานีวิทยุ บอกตรงๆ เลยว่าผมแปลกใจมากที่มันข้ามพ้นเพลงเหล่านั้นมาได้ แต่กับ Dennis Turner ผู้จัดการผู้หลักแหลมและเพื่อนที่แสนดีของผม และ Arista Records ผมรู้ถึงสิ่งที่คำานวณได้ ความมานะทุ่มเทของทีม และทุกคนดูเหมือนจะร่วมใจช่วยเหลือเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับเพลงพิเศษเพลงนี้

ผมเริ่มทำงานเดี่ยวกับศิลปินคนอื่น นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำไปอีกนาน ผมไม่ได้กำลังให้ชื่อตัวเองด้อยลง แต่ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานเดี่ยวให้กับ George Benson , Natalie Cole ,Dionne Warwick , Aretha Franklin ,Whitney Houston , Smokey Robinson , Steve Miller ,Martha Davis of The Motels และคนอื่นๆ "

หลังจากอัลบั้ม Duotones Kenny G ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเพลงบรรเลง เขาก้าวต่อไปกับอัลบั้ม Silhouette กับเครื่องหมายการค้าว่าเป็นนักเดี่ยวแซกโซโฟน และยังแสดงถึงว่าเขาเป็นนักดนตรีที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ และในอัลบั้ม Silhouette นี้ Smokey Robinson ยังได้ร่วมร้องในเพลง 'We've Saved the Best For Last' อีกด้วย